คําตอบของพระพุทธเจ้า กับคําถามที่ว่า “ความหมายของชีวิตคืออะไร?”
พระพุทธเจ้ามองความหมายของชีวิตว่าคืออะไร ท่านสอนอะไรทําไมศาสนาท่านจึงสามารถอยู่มาได้มานานกว่า 2500 ปี และมีคนตามมากกว่า 500 ล้านคน นี้คือคําถามทีเราจะมาตอบ ซึ่งผมสัญญาว่าหลังจากที่อ่านจบแล้วแล้ว ไม่เพียงแต่เราจะมีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของเราเองให้ดีขึ้น แต่เราก็ยังจะเข้าใจหัวใจทั้งหมดของพุทธศาสนาภายในไม่กี่นาทีนี้ จนสามารถเรียกตัวเองได้อย่างเต็มปากเต็มคําว่าเราเป็นชาวพุทธ
พระพุทธเจ้าเคยเปรียบเปรยชีวิตของมนุษย์ไว้ว่า:
ยถาปิ ปุปฺผราสิมฺหา กยิรา มาลาคุเฬ พหูเอวํ ชาเตน มจฺเจน กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุํ
พระพุทธเจ้า
ซึ่งความหมายของพุทธสุภาษิตนี้ ท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ป อ ยุตโต ได้อธิบายในหลังสือ “คู่มือชีวิต” ในหัวข้อ “เกิดมาแล้ว ควรใช้ชีวิตอย่างไร?” ว่าแปลว่า:
นายมาลาการพึงทำพวงดอกไม้ให้มาก จากกองดอกไม้แม้ฉันใด, มัจจสัตว์ผู้มีอันจะพึงตายเป็นสภาพ ควรทำกุศลไว้ให้มาก ฉันนั้น.
หรือจะแปลสั่นๆว่า เราควรใช้ชีวิตให้เหมือนกับนักจัดดอกไม้ ที่เอาดอกไม้มารวมกันให้เป็นช่อที่สวยงาม พระพุทธเจ้าเปรียบเปรยชีวิตของมนุษย์ที่เกิดมาก็มี ขา มี แขน มีความคิด มีจิตใจ นี้เหมือนดอกไม้ที่ยังไม่ได้เอามาจัดเอามาทําให้เป็นช่อ ซึ่งถ้าปล่อยไว้ก็ตายเปล่า ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนว่าเราควรเอาชิ้นส่วนที่เราเรียกว่าชีวิตนี้มาใช้หรือจัดมันเพื่อทําสิ่งที่สวยงาม หรือ เอามาสร้างกุศลให้มาก ก็เหมือนการเอาดอกไม้มาทําเป็นช่อดอกไม้ที่สวยงาม
ซึ่งจุดนี้พระพุทธเจ้ามีความเข้าใจตรงกันกับไอน์สไตน์และนักปราชสาย Existentialism ซึ่งสําหรับคนที่ยังไมได้ดูคลิปก่อนก็สามารถเข้าไปชมคลิปที่ว่านี้ได้ แต่หลักๆก็คือ การที่รากฐานของมนุษย์ที่เกิดมาด้วยความไม่รู้ ไม่รู้ว่าเกิดมาเพื่ออะไร ในภาษาธรรมะเรียกว่า อวิชา โดยท่าน ป อ ยุตโต ได้เขียนว่า:
“คนเราเกิดมาไม่มีความสมบูรณ์ในตัว … เกิดมาเริ่มต้นก็มี … ความไม่รู้ และยังไม่มีความสามารถอะไร … ชีวิตของคนเรานี้ … เป็นที่ประชุมของส่วนประกอบต่างๆ … สิ่งเหล่านี้ก็คล้ายๆกับกองดอกไม้ … คือยังไม่ปรากฎคุณค่าอะไรออกมา … จะมองเป็นกองขยะก็ได้ … ยังไม่สําเร็จประโยชน์ … ไม่ชัดเจนว่าจะมีคุณค่าอย่างไรนี้ เอามาทําความดี .. หรือ .. จะทําชั่วก็ได้”
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ป อ ยุตโต
ชีวิตเรานี้ มันไม่ได้ดีหรือไม่ดี มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มันอย่างไร จะเอามาทําดีก็ได้ ทําชั่วก็ได้ ดังนั้นสิ่งที่ทําให้ชีวตเรานั้นมีความหมายก็คือ สิ่งที่เราทํากับชีวิต เพราะเหตุนี้ คําถามที่ว่า เราเกิดมาทําไม หรือว่าความหมายของชีวิตคืออะไร นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้ชีวิตอย่างไร ซึ่งคําตอบที่พระพุทธเจ้าให้ก็คือ เมื่อเราเกิดมาแล้วเราไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรเราก็ควรใช้ชีวิตนี้ในการทําความดีให้มาก ให้เหมือนนักจัดดอกไม้ ที่เอาดอกไม้มาจัดร่วมกันให้เป็นสิ่งสวยงาม
แล้วการทําความดีในพุทธศาสนานั้นคืออะไร คําตอบก็มี 3 ส่วนนั้นก็คือ ทาน ศีล และ ภวานา หรือจะแปลง่ายๆว่า การให้ การทําความดี และ การพัฒนาจิตใจ ซึ่งในสําหรับพระพุทธเจ้าแล้ว ในสามอย่างนี้ การทําดีที่มีค่าที่สุดก็ต้องเป็นการพัฒนาจิตใจ ซึ่งสภาพของจิตใจของมนุษย์ที่สวยงามที่สุด ก็คือจิตใจที่ไม่มีกิเลส หรือ สภาพที่จิตใจเราเป็น นิพพาน นั้นเอง จุดที่ทําให้การพัฒนาจิตใจมีค่ามากที่สุดก็เพราะว่ามันสามารถเป็นคําตอบให้ได้ทั้งกับปัญหาชีวิตและสังคม
ในด่านชีวิต หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่าการที่เราหมดกิเลสนั้นก็คือการลดละเลิกทุกอย่างจนหมดความสุข แต่จริงๆแล้ว มันไม่ใช่ ในทางตรงกันข้าม คนที่หมดกิเลสต่างหากที่มีแต่ความสุข เพราะเขาหมดความเห็นแก่ตัวจนไม่มีอะไรที่เขาขาดหรือต้องการแล้ว ไม่มีอะไรต้องวิ่งหาแล้ว มันเป็นสภาพจิตใจที่มีความสุขอยู่เสมอ มันต่างจากชีวิตในสังคมปัจจุบันของเรามากที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วที่ทําให้เรารู้สึกขาดหรือมีความต้องการมากขึ้นเลื่อยๆจนสุดท้าอาจจะหาความสุขไม่เจอเลยก็มี
และเมื่อคนเรามีความอยากที่ไม่มีที่สิ้นสุดในโลกที่ทุกอย่างมีจํานวนจํากัด มันก็เกิดการแก่งแย่ง ชิงดี การเอาเปรียบกันในสังคม เพราะเหตุนี้การลดละตัวตนไม่เพียงทําให้เราหาความสุขเจอในชีวิต แต่มันก็ยังเป็นตัวแปลในการเปลี่ยนสังคมจากสังคมที่เห็นแก่ตัวเป็นคนเป็นสังคมที่เห็นแก่ตัวน้อยลงและเห็นแก่ผู้อื่นมากด้วย มันก็คือเปลี่ยนแปลงสังคมจากสังคมแห่งการเอาเป็นสังคมแห่งการให้ นี้คือคําตอบของพุทธศาสนาที่ว่าทําไมการพัฒนาจิตใจจึงสําคัญที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วโลกเราจะดีจะแย่ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของจิตใจคน
ดังนั้นคําถามที่ว่าความหมายของชีวิตของพระพุทธเจ้าคืออะไร เห็นได้จากวิธีการใช้ชีวิตของพระพุทธเจ้าซึ่งทางเองก็ได้ได้อุทิศชีวิตของตนเองในการทําหลังจากที่ท่านได้ตรัสรู้จนท่านมรณภาพ ในการสั่งสอนเพื่อช่วยมนุษย์พัฒนาและยกระดับจิตใจตนเอง ซึ่งก็มีหลักง่ายๆว่า:
สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
พระพุทธเจ้า
ซึ่งแปลว่า การไม่ทําบาปทั้งปวง การทํากุศลให้ถึงพร้อม และการทําจิตใจของตนให้ขาวรอบ
แล้วเรามีความคิดเห็นอย่างไรบ้างกับนิยามในการใช้ชีวิตแบบนี้ การที่ว่าชีวิตเรานั้นเหมือนกองดอกไม้ที่จําเป็นจะต้องมาจัดเพื่อใช้ทําความดี คิดอย่างไรกับความหมายของความดีในพุทธศาสนาที่เน่นเรื่องการพัฒนาจิตใจเพื่อการเปลี่ยนแปลงตัวเองและสังคม ใครมีความคิดเห็นอย่างไรก็เขียน มาได้บน comment ก็หวังว่าจะเอาไปพิจราณาดูนะครับ แล้วก็หวังว่าจะได้ประโยชน์กันไม่มากก็น้อย