วิธีลดอัตตาตัวตน

206603 ศุภกร เลาหสงคราม

นักจิตวิทยาเชิงบวก (Positive Psychologist)


อัตตาตัวตนนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนมี แต่น่าเสียดายที่โรงเรียนหรือการศึกษาไม่ค่อยได้ให้ความสําคัญ หรือ ช่วยให้เราเข้าใจในความสําคัญ ขอดีขอเสียของมัน หรือว่า วิธีจัดการกับมัน บทความนี้พยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายถึงความหมายของอัตตาตัวตนและวิธีจัดการกับมัน

อะไรคืออัตตาตัวตน

อัตตาตัวตน หรือ จะใช้ศัพย์อีกอย่างก็ได้ว่า มานะ นั้นคือการสําคัญตน การสําคัญตนก็คือการให้ค่ากับตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคนอื่น สําคัญตนว่าดีกว่าคนอื่น สําคัญตนว่าเราแย่ก็คนอื่น หรือสําคัญตัวเองให้เท่าคนอื่นก็ได้ แต่สุดท้ายมันเป็นเรื่องของตัวเราเมื่อวัดค่ากับคนอื่น อาการที่เกิดจากการที่เรายึดถืออัตตาตัวตนนั้นก็มีมาก ยกตัวอย่างเช่น:

  • ถือตัวว่าอยู่เหนือผู้อื่น
  • มีนัสัยชอบเอาเปรียบและดูถูกคนอื่น
  • มีความอยากดี อยากเด่น อยากดัง กว่าคนอื่น
  • กล้วน้อยหน้าคนอื่น
  • ไม่ยอมด่อยกว่าคนอื่น
  • อยากให้ตัวเองอย่างน้อยก็ได้อะไรเหมือนคนอื่น
  • การชอบพูดโอ้อวดทําให้ตัวเองดูดีกว่าความจริง
  • การกลัวคนอื่นเหยีบหยาม
  • เปรียบเทียบตัวเองอยู่เป็นประจํา

ทําไมต้องละอัตตาตัวตน

  1. เพราะมันทําให้จิตใจเราว้าวุ้นและหาความสุขไม่เจอ
    ทุกอาการด่านบนที่พูดมานี่ล่วนเกิดมาจากอัตตาที่ชอบสําคัญตนทั้งนั้น ดูจากอาการเฉยๆก็จะเห็นว่าการมีอัตตาตัวตนนั้นเป็นงานหนัก ต้องค่อยรักษา ค่อบปกป้อง ค่อยเติมเต็ม อยู่ตลอดเวลา มันทําให้จิตใจเราว้าวุ้นจนบางทีอาจจะทําให้หาความสงบสุขไม่ได้ ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน อายุเท่าไร หรือเอาตัวเองไปอยู่ในสังคมไหน อัตตาตัวตนนี้ก็สามารถตามไปรบกวนได้ทุกที ถ้าเรามีอัตตาตัวตนมากก็เท่ากับว่าเรามีความแนวโน้มที่จะมีความทุกข์ได้มากเท่านั้น
  2. เพราะมันไม่ดีต่อตัวเราและคนที่อยู่รอบข้างเรา
    ไม่มีใครชอบคนทีมี ego ไม่มีใครชอบให้คนอื่นมาดูถูกเพราะเพียงเพราะว่าเขาคิดว่าเขาดีหรือเหนือกว่าเรา ไม่มีใครชอบให้คนอื่นที่เราไม่เคารพมาทําตัวเป็นใหญ่ ไม่มีใครชอบคนที่ไม่รับฟังคนอื่นเอาแต่ตัวเองเป็นหลัก คนที่มีอัตตาอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนนินทาและด่าว่าไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง แต่ความคิดนี้ก็ควรที่จะ apply กับตัวเองตัวเหมือนกัน เพราะเราเองก็มีอัตตาตัวตนเหมือนกัน มันเป็นสิ่งที่น่าเกรียด ถ้าเลี้ยงไว้ วันหนึ่งก็จะกลับมากัดตัวเจ้าของเอง
  3. เพราะมันแค่จริงตามความอยากของเราที่อยากให้มันจริง
    เราจะวัดคนหนึ่งคนกับคนอีกคนหนึ่งให้แฟร์และถูกต้องได้อย่างไร สมมุติคนหนึ่งต้องการมีครอบครัวที่มีความสุขแต่รํ่ารวย ส่วนอีกคนหนึ่งอยากรํ่ารวยแต่มีครอบครัวที่แตกแยก เขาคิดว่าใครประสบความสําเร็จมากกว่าก้น? ถ้าถามคนแรกที่อยากมีครอบครัวทีสมบูรณ์แล้วเราก็มองว่าเขาประสบความสําเร็จแล้ว และคนที่รํ่ารวยที่บ้านมีปัญหานั้นล้มเหลว ส่วนคนที่อยากรํ่ารวยก็บอกว่าเขาประสบความสําเร็จแล้วเหมือนเพราะเขามีเงิน และเมื่อมองกลับไปคนที่มีครอบครัวดีแต่ไม่มีเงินเขาก็ตัดสินว่าล้มเหลว ตกลงใครประสบความเสร็จ ใครล้มเหลว คําตอบก็คือมันวัดไม่ได้เพราะมันแล้วแต่คนมอง คนมีค่านิยมแบบไหนก็ให้ค่ามองคนอื่นและตัวเองแบบนั้น มันจริงแค่ตามที่เราอยาก

วิธีละอัตตาตัวตน

รู้ซึ้งถึงโทษของอัตตาตัวตน

ไม่มีใครละอัตตาตัวตนได้ถ้าเราชอบมัน ชอบที่จะดีกว่าคนอื่น ชอบที่จะไม่ด่อยกว่าคนอื่น ชอบที่อย่างน้อยเรามีเท่าคนอื่น ถ้าเรายังชอบสําคัญตนไม่ว่าในรูปแบบไหนแล้วก็ยากที่จะลดละอัตตาของตัวเราเอง ขั้นตอนแรกในการลดหรือปล่อยวางอัตตาตัวตนของเราได้ก็คือการเห็นโทษของมัน เราได้พูดแล้วถึง 3 เหตุผลที่ทําไมเราต้องละอัตตาตัวตน แต่พูดถึงหรือว่าได้ยินได้ฟังนี้ไม่ได้แปลว่าเราจะรู้ซึ้งถึงโทษของมัน บางคนก็ต้องประสบโทษของมันด้วยตัวเองก่อนถึงจะเข้าใจ เหมือนไฟที่ร้อน เด็กๆพ่อแม่ก็เตือนเสมอว่ามันร้อน แต่เราก็ไม่รู้ซึงหรอกว่าไฟร้อนนี้เป็นอย่างไร เราก็ซนเอามือไปเล่นกับไฟจนลวก อันนี้จึงรู้ซึ้ง ชีวิตบางทีก็เป็นเช่นนี้ ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนถึงจะเข้าใจ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้พิจารณาตามที่ได้เขียนมาให้เห็นข้อเสียก่อนเลยจะได้ไม่ได้เอามือไปใส่ไฟ

คอยตรวจตราด้วยสติเสมอเวลาอัตตาตัวตนมันแสดงตัว

เมื่อวานได้ออกไปวิ่งที่สวนลุมพินี คนที่ไปวิ่งส่วนใหญ่ก็จะวิ่งวนรอบเหมือนในสนามแข่ง ซึ่งตัวผมเองก็เป็นคนหนึ่ง ขณะที่ผมวิ่งไปได้สักพัก อัตตาตัวตนของผมก็เริ่มทํางาน เมื่อมันเห็นคนอื่นวิ่งแซง มันเริ่มรู้สึกยอมไม่ได้ และเมื่อมันเห็นคนที่อยู่ข้างหน้า อัตตาเราก็มาชักชวนให้ผมวิ่งแซงคนอื่น เรื่องนี้ดูผิวเผินก็เหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้มีอะไร ผมไม่ได้ไปทําล้ายใคร ไม่ได้ไปแสดงตัวตนกับคนอื่นว่าเราอยากวิ่งได้มากกว่าเขา หรือว่าแสดงอาการอะไรเวลาคนอื่นวิ่งแซง มันแค่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในใจ แต่สําหรับนักการพัฒนาชีวิตอย่างเราแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ปล่อยไปไม่ได้ เพราะขนาดเรื่องแค่นี้เรายังมีอัตตาตัวตนกับมัน แล้วถ้ามันเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า เป็นเรื่องที่มีการแข่งขันสูงกว่า เป็นเรื่องที่เรายอมไม่ได้ขึ้นมาแล้ว อาการมันจะออกมามากขนาดไหน นี้คืออาการของอัตตาตัวตนที่ได้โผลหัวมาให้ดู เพื่อให้เราเห็น ระมัดระวัง และ หักห้ามใจตัวเองให้ไม่ทําตาม

การที่เราไปวิ่งแซงคนอื่นเพียงเพราะเราอยากดีกว่าคนอื่นหรือการที่เราวิ่งให้มากขึ้นเพียงเพราะเรายอมคนที่แซงเราไม่ได้นั้นคือการส่งเสริมอัตตาตัวตนมี่มีอยู่ในใจเรา การที่เราทําตามกิเลสเช่นนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างนิสัยที่ไม่ดีแล้วยังเป็นการทําให้อัตตาตัวตนหรือความเห็นแก่ตัวในใจเราหน่าแน่นมากขึ้นด้วย มันไม่ได้ต่างอะไรเลยจากการที่กิเลสนั้นเป็นเจ้าของชีวิตเราเพราะว่ามันสามารถสั่งเราได้ แต่ถ้าเราอยากพัฒนาจิตใจเราอย่างจริงจัง สิ่งที่ดูเล็กน้อยและไม่มีพิษมีภัยขนาดนี้เราก็ไม่ควรมองข้าม เพราะทุกอัตตาตัวตนก็เริ่มจากจุดเล็กๆนี้ทั้งนั้น จนสุดท้ายก็ใหญ่ขึ้นจนหยุดไม่ได้

เพียงแค่เราเห็นอาการของอัตตาตัวตนที่มันแสดงขึ้นมาและไม่ไปทําตามมันแค่นี้เราก็สามารถหยุดอัตตาตัวตนได้แล้ว อาการที่พูดถึงนี้ก็คือการที่ อัตตาเราอยากดีกว่าคนอื่น ไม่ยอมด่อยกว่าคนอื่น อยากที่จะมีค่าเท่าเทียบกับคนอื่น สามสิ่งนี้คืออาการของอัตตาตัวตน ถ้าอัตตาตัวตนเป็นเหมือนสัตว์ที่มีชีวิตตัวหนึ่ง อาหารที่ทําให้มันแข็งแรกและมีอํานาจก็คือการที่เรายอมทําตามมัน แต่เมื่อใดที่เราเห็นมัน และไม่ทําตามมันได้ มันก็หมดอาหารหมดอํานาจ และสุดท้ายมันก็ตายไปเอง

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง