ล้มเหลว
คนที่จะประสบความสําเร็จได้ก็ต้องล้มเหลวให้เป็น
ถ้านักกีฬาทุกคนหมดหวัง หมดกําลังใจ ท้อแท้ ทุกครั้งที่เล่นกีฬาแพ้ เขาก็คงไม่สามารถเป็นนักกีฬามืออาชีพได้นาน ดังนั้นใครจะประสบความสําเร็จได้ จะเก่งได้ ก็ต้องอยู่กับความล้มเหลวให้เป็น
ล้มเหลวเป็นกับไม่เป็นต่างกันอย่างไร?
ล้มเหลวไม่เป็นก็คืออะไร?
- พอล้มเหลวแล้วก็เอาความล้มเหลวนั้นมาทับถมตัวเอง ต่อว่าตัวเอง และทําร้ายตัวเอง แทนที่จะให้กําลังใจตัวเองให้ลุกขึ้นมาสู้ใหม่
- พอล้มเหลวแล้วก็เอาความล้มเหลวนั้นมาเพ่งโทษตัวเอง ว่าเราไม่ดีและไร้ค่าอย่างไร จนหมดกําลังใจ หมดความเชื่อมั่นในตัวเอง
- พอล้มเหลวแล้วก็เอาความล้มเหลวนั้นมาคิดวนไปวนมา เพื่อหาเหตุผลที่บางทีคิดวนไปวนมาอีก 10 ปี ก็ไม่มีคําตอบ แทนที่จะ move on และเอาเวลาไปพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น
- พอล้มเหลวแล้วก็เอาความล้มเหลวนั้นมากอดเอาไว้ ตื่นเช้ามาก็เศร้ากับมัน ปล่อยให้มันมามีอํานาจเหนือชีวิตเรา จนดึงชีวิตเราจนจมและหยุดนิ่ง แทนที่จะสู้และไม่ยอมต่อความพ่ายแพ้
นี้คือตัวอย่างของการที่เราล้มเหลวไม่เป็น เพราะมันไม่ได้ช่วยให้เรามีกําลังใจ มีแรงที่จะลุกขึ้นมาสู้ใหม่ แต่กลับกลายเป็นเราจมอยู่กับความล้มเหลวนั้น จนบางทีถ้าแย่จริงๆก็ทําให้เราดิ่ง พอล้มเหลวก็เลยหมดความมั่นใจ หมดกําลังใจ พอเป็นแบบนี้ก็ยิ่งไม่ทําอะไร พอไม่ทําอะไรให้เป็นประโยชน์ก็ยิ่งรู้สึกตัวเองล้มเหลวหนักกว่าเดิม เป็นวงจรอุบาท จนสุดท้ายมีอาการ ซึมเศร้า
ล้มเหลวเป็นคืออะไร?
เข้าใจว่าความล้มเหลวเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ทุกคน
ทุกความสําเร็จต่างก็ต้องแลกมาด้วยความล้มเหลวก่อนเสมอ เพราะความล้มเหลวคือเส้นทางเดียวสู่ความสําเร็จไม่มีใครเรียนปั่นจักรยานครั้งแรกแล้วขี่เป็นเลย ทุกคนก็ต้องล้มต้องผลาดมาก่อน กว่าที่จะขี่จักรยานเป็น ดังนั้น เราต้องเข้าใจให้ได้ว่าความล้มเหลวนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ ดังนั้นอย่าไปคิดมาก อย่าไปทําให้มันใหญ่กว่าที่มันควรเป็น เรียนรู้จากมันและเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น
ล้มแล้วก็ลุกขึ้นมาทําใหม่ให้ดีกว่า อย่ามัวจมอยู่กับความล้มเหลว
สิ่งที่ดีที่เราทําได้ในตอนนี้คืออะไร มันคงไม่ใช่ การที่เรายังติดอยู่กับความล้มเหลวแน่นอน ความผิดพลาด (วิธีแก้อาการ รู้สึกผิด) ความล้มเหลวต่างเป็นอดีตหมดแล้ว ไม่มีอะไรที่เราจะกลับไปแก้ได้ สิ่งที่เรายังพอทําอะไรได้นั้นก็คือปัจจุบัน ดังนั้น ดึงจิตใจกลับมาปัจจุบัน เรียนรู้จากความผิดพลาดให้มากที่สุดแล้วก็ลืมอดีตไป เพราะสุดท้ายสิ่งเดียวที่เรายังทําหรือเปลี่ยนแปลงได้นั้นก็คือปัจจุบัน นี้คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทําได้
รู้ว่าความล้มเหลวหรือสําเร็จมันเป็นแค่มุมมองที่เราสามารถให้กับตัวเอง
ความล้มเหลวอันเดียวกันแต่สําหรับพวกหนึ่งอาจจะไม่รู้สึกอะไรแต่สําหรับคนอีกำวกก็อาจจะทําให้เขาหมดหวังหมดความมั่นใจไปเลย ดังนั้นมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าความล้มเหลวนั้นคืออะไรมากไปกว่าว่าเราให้ความหมายกับความล้มเหลวนั้นอย่างไร ตอนนี้เราอาจจะแปลความหมายของมันในแง่ลบ แต่แทบจะทุกอย่างในชีวิตก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แล้วเราลองหาขอดีของมันดูแล้วหรอยัง?
มองความล้มเหลวเหมือนเป็นบันไดให้เราได้มีโอกาสเรียนรู้เพื่อเป็นคนที่ดีขึ้นเก่งขี้นและมีจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น
คนที่ไม่เคยเจอความล้มเหลวไม่มีวันที่จะมีจิตใจที่แข็งแกร่งกว่าคนที่เคยชินกับความล้มเหลว จนไม่กลัวมัน ความล้มเหลวเป็นเหมือนครูที่สอนดีกว่าครูทุกคน เป็นเหมือนแรงพลักดันให้เราพัฒนาตัวเองมากกว่าทุกคําพูดที่เราเคยได้ยินมา ดังนั้น น้อมรับมันด้วยความยินดี เพราะนี้คือโอกาสที่ดีที่จะทําให้เราเริ่มใหม่ทําใหม่และเป็นคนใหม่
อย่าเอางานมาวัดค่าตัวเอง
งานล้มเหลวไม่ได้แปลว่าคนล้มเหลว งานส่วนงานคนส่วนคน บางทีเราทําเต็มที่แล้ว แต่ผลมันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด นี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะงานจะสําเร็จหรือล้มเหลวบางทีมันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เราจะไปหวังได้เสมอ มันมีปัจจัยมากมายที่ทําให้คนๆหนึ่งสําเร็จและอีกคนล้มเหลว และ หลายๆครั้งก็เป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้หรือว่าอยู่เหนือความควบคุมของเรา แต่สิ่งที่เรายังพอควบคุมได้นั้นก็คือตัวเราเอง ยกตัวอย่างเช่น เราสัมครเรียนหรือสัมครงาน สิ่งที่เราควบคุมได้ก็คือ การเตรียมตัวที่ดี แต่สุดท้ายแล้วคนจะรับหรือไม่รับเรานั้นมันเรื่องของเขา เราทําหน้าที่ของเราพอ อย่างไปอยากทําหน้าที่คนอื่น
สุดท้ายแล้วตราบใดที่เรายังไม่ยอมแพ้ เราก็ยังไม่ล้มเหลว เวลาเดียวที่เราล้มเหลวก็ต่อเมื่อเรายอมแพ้
ถ้าเรายังพยายามอยู่ มันยังถือไม่ได้ว่าล้มเหลว ต่อให้ผลตอนนี้มันอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม เพราะว่าเรายังคิดหาวิธีพัฒนาตัวเองอยู่ หาวิธีที่จะทําให้มันสําเร็จอยู่ ยังเรียนรู้จากความผิดพลาดอยู่ ยังไม่ยอมแพ้ต่อความรู้สึกผิดหวัง สุดท้ายเราก็หาช่องทางเจอ แค่เราจะทนต่อความล้มเหลวได้มากแค่ไหน ซึ่งอีกความหมายของความสําเร็จก็คือการที่เราอนทนต่อความล้มเหลวจนสําเร็จ
“Players with fight never lose a game, they just run out of time”
John Wooden
ควรพบนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์เมื่อ...
- ไม่มีทางออก
- อาการไม่ดีขึ้น
- พยายามแล้วแต่ไม่ได้ผล
สามารถใช้บริการปรึกษากับนักจิตวิทยาหรือสอบถามรายระเอียดได้ตามลิงก์นี้:
สามารถใช้บริการปรึกษากับนักจิตวิทยาหรือสอบถามรายระเอียดได้ตามลิงก์นี้:
สามารถให้ความคิดเห็นให้ กําลังใจ และช่วยพัฒนาได้ที่:
ขอบคุณทุกความคิดเห็นและจะเอาไปพัฒนากล่องยาประจําใจครับ
สําหรับท่านที่อยากมีกล่องยาสามัญประจําใจไว้ที่บ้านหรือเป็นของฝากให้คนอื่นเมื่อกล่องยาประจําใจตีพิม สามารถติดต่อสั่งจองได้ที่:
แบบฟอร์มสั่งจองกล่องยาสามัญประจําใจ
หรือ
Line: @schooloflife
Line: @schooloflife
ตัวยาอาจจะใช้ได้กับบางคนแต่อาจจะไม่เหมาะกับบางคน โปรคใช้วิจรณญานและเลือกใช้ได้สิ่งที่เรารู้สึกว่าน่าจะใช้ได้ อะไรใช้ไม่ได้ก็ไม่ต้องใช้