ปัญหาความรัก
ความรักจะยั่งยืนต้องหมั่นปรับตัวเข้าหากัน
ไม่มีใครเกิดมาแล้วเข้าใจกันได้เลยทุกอย่าง (นอกจากว่าเราจะไปเดทกับตัวเอง ซึ่งบางทีเรายังไม่เข้าใจตัวเองเลย) ทุกคนต่างเกิดมาในสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น ทางกรรมพันธุ์ สังคม วัฒนธรรม เพศ ฐานะทางการเงิน การศึกษา หรือ ความสนใจ จะหวังให้คนสองคนมามีความสัมพันธุ์กันโดยที่ไม่มีการปรับตัวกันเลยก็คงเป็นเรื่องยากหรืออาจจะเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีแรกของความสัมพันธุ์ ถ้าเกิดมีการทะเลาะกันหรือไม่เข้าใจกันบ้าง ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ต้องปรับตัวให้เข้าหากันให้ได้ ซึ่งคู่ที่ไม่มีใครยอมปรับตัวเพื่ออีกฝ่าย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ความสัมพันธ์ก็มักจะอยู่ไม่รอด ดังนั้นการปรับตัวเป็นเรื่องจําเป็นอย่างมากในการรักษาความสัมพันธุ์
วิธีปรับตัวเข้าหากันโดยการเข้าใจภาษาของความรักของอีกฝ่าย
มนุษย์เราต่างมีความเข้าใจถึงความรักไม่เหมือนกัน บางคนก็รู้สึกว่าการมีเวลาให้กันคือการแสดงความรัก บางคนก็ไม่ได้ต้องการเวลาอยู่ด้วยกันแต่ต้องการคําพูดที่แสดงถึงความเข้าใจและความใส่ใจ บางคนก็ต้องการ physical touch หรือการสัมผัส เพื่อเป็นการแสดงความรัก เช่นการกอด ต่างคนก็มีความหมายของความรักไม่เหมือนกัน เพราะเหตุนี้มันก็ทําให้เกิดการเข้าใจผิดกันในความสัมพันธ์ได้เสมอ บางทีเราก็รู้สึกเหมือนเขาไม่ได้ หรือว่าบางทีเราก็แสดงความรักไปแล้วแต่เขากลับบอกว่าเขาสัมผัสถึงมันไม่ได้ วิธีแก้ก็คือการที่เราต้องเข้าใจภาษาของความรักของอีกฝ่าย ซึ่งก็มีแบบทดสอบที่ชื่อว่า "5 Languages of Love" ที่เราและคู่รักของเราสามารถไปทดสอบได้ เพื่อที่เราจะได้เข้าใจว่าเราควรแสดงความรักต่ออีกฝ่ายอย่างไร ใน 5 Languages of Love นี้ก็แบ่งภาษาของความรักเป็น 5 แบบนั้นก็คือ 1) Quality Time การมีเวลาให้กัน 2) Physical Touch การแสดงความรักผ่านการสัมผัส 3) Acts of Service การช่วยเหลือ 4) Words of Affirmation คําพูดที่เติมเต็ม และ 5) Gift Giving การให้ขวัญ
ยกตัวอย่างเช่นผม ก็จะเห็นและแสดงความรัก โดยการช่วยเหลือ และ การให้เวลาเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อคนอื่นไม่ช่วยเหลือหรือไม่ให้เวลากับผม ผมก็จะรู้สึกว่าเขาไม่รักผม แต่จริงๆแล้วมันก็อาจจะไม่ใช้อย่างนั้นเพราะความหมายของความรักของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน เช่นแฟนผมที่มีภาษาแห่งความรักเป็น การสัมผัส และ คําพูด การที่เขาไม่ได้ช่วยหรือไม่มีเวลา ก็อาจจะไม่ได้แปลว่าเขาไม่รัก เพราะมันไม่ใช่ภาษาของเขา เขาอาจจะแสดงว่าเรารักมากด้วยการเข้ามากอด การจับมือ หรือคําพูดที่เติมเต็ม อย่างนี้เป็นต้น ที่เราก็สามารถพูดภาษาความรักของเขา แล้วก็ให้เขาพยายามพูดภาษาแห่งความรักของเราบ้าง ทีนี้ความรักเราก็จะดีมีความสุขมากขึ้น
ความสัมพันธ์บางทีก็พังได้เพียงแค่ช่วงขณะเดียว
แก้วแตกแล้วยากที่จะทําให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ความสัมพันธ์นี้เหมือนกัน เปราะบางจนบางที คําพูดเพียงคําเดียว หรือการทําผิดเพียงแค่ครั้งเดียว ก็สามารถทําให้ความสัมพันธ์ที่อยู่กันมาเป็นปีๆพังทลายได้ภายในพลิบตา ซึ่งส่วนมากแล้วมันก็เกิดจากการที่เราควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ เช่น ขณะที่เรากําลังโกรธ หรือ ไม่พอใจ บางทีเราก็พูดหรือทําอะไรที่เราเองก็รู้สึกเสียใจออกมาก
การฝึกควบคุมอารมณ์เวลาทะเลาะกันหรือไม่พอใจกันเป็นทักษะที่สําคัญมากหากเราอยากที่จะรักษาความสัมพันธ์ไว้ให้ดีและยาวนาน วิธีการฝึกก็สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วน 1) ส่วนแรกก็คือการฝึกเห็นความรู้สึกของเราเอง เช่น รู้ตัวว่าเรากําลังหยุดหงิด เรากําลังโกรธ เมื่อเรารู้ตัวแล้ว 2) ส่วนที่สองก็คือฝึกที่จะไม่ไหลไปทําอะไรตามมัน ฝึกดูและเอาชนะอารมณ์แบบนี้ทุกวัน เริ่มจากอารมณ์ที่เล็กๆก่อน เช่น ความรู้สึกลําคาญ หงุดหงิด ซึ่งถ้าเราสามารถเห็นและเลือกที่จะไม่ทําตามมันได้บ่อยๆ เราก็จะเป็นคนที่มีทักษะในการจัดการอารมณ์ที่ดี และเมื่อมีอารมณ์ที่รุนแรงกว่านี้เข้ามา เช่น ความโกรธ เราก็จะสามารถจัดการมันได้ดีขึ้น ซึ่งข้อความหลักที่อยากจะบอกก็คือ ความสัมพันธ์บางทีก็พังได้เพียงแค่ช่วงขณะเดียว ซึ่งเราไม่มีวันรู้ได้ว่าเมื่อไหร่ ดังนั้นเราควรฝึกไว้ต้องแต่ตอนนี้
ตบมือข้างเดียวไม่ดัง
ความรักเป็นสิ่งที่ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ถ้าคนใดคนหนึ่งพยายามอยู่คนเดียวในความสัมพันธ์ ส่วนอีกฝ่ายไม่มีความพยายามหรือพยายามน้อย ความสัมพันธ์นี้ก็รอดยาก เพราะฝ่ายที่พยายามมากกว่าก็จะต้องรู้สึกน้อยใจหมดกําลังใจและรู้สึกเหมือนสิ่งที่เขาได้ให้ไปนั้นไม่มีความหมาย ดังนั้นฐานในการสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคง ทุกฝ่ายในความสัมพันธ์ก็ต้องมีความพยายามที่เท่าเทียบกัน หรือ ภาษาอังกฤษเรียกว่า effort เหมือนคนมีสองขา ถ้าขาข้างใดข้างหนึ่งเดินอยู่คนเดียวมันก็ไม่ได้ ดังนั้นเราก็ต้องควรหาคู่ที่มีความพยายามในการสร้างความสัมพันธ์เท่ากันเรา หรือว่าเราเองก็ต้องอาจจะมาทบทวนและพูดคุยกับคู่เราว่าตอนนี้มันมีอะไรที่ไม่สมดุลในความสัมพันธ์ไหมก่อนที่มันจะกลายไปเป็นปัญหาในอนาคต
ความรักต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจซึ่งกันและกัน
เราจะคาดหวังว่าแฟนเราจะรู้สิ่งที่เราคิดหรือรู้สึกตลอดไม่ได้ ไม่มีใครสามารถมาอ่านจิตใจใครได้ ดังนั้น การสื่อสารที่ชัดเจนโดยไม่คิดไปเองว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจเรานั้นสําคัญมากในการรักษาความสัมพันธุ์ การที่ความสัมพันธ์ไม่มีการสื่อสารที่ดี ต่างฝ่ายก็ต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกหรือต้องการอะไร มันก็ยิ่งง่ายที่จะ ทะเลาะ และเกิดความไม่พอใจกัน หรือไม่บางที มันก็ทําให้อีกฝ่ายรู้สึกน้อยใจว่าอีกฝ่ายนั้นไม่เข้าใจ
หลายคนเลือกที่จะเก็บและสะสมความไม่พอใจไว้กับตัว เพียงเพราะกลัวว่ามันจะสร้างปัญหาในความสัมพันธ์ แต่จากประสบการผมแล้ว การที่เราเก็บความรู้สึกไว้ต่างหากที่ทําร้ายความสันพันธ์ของเรามากกว่า เพราะสุดท้าย เราเองก็รู้สึกน้อยใจ และ อึดอัน คู่ของเราก็ไม่สามารถปรับ เข้าใจ และเปลี่ยนแปลงอะไรได้ บางทีเราก็เอาความในใจของเราไประเบิดใส่เขาระหว่างที่ทะเลาะหรือมีปัญหากัน ทั้งหมดก็เพราะขาดความเข้าใจ จนสุดท้ายความสัมพันธ์ก็ไปไม่รอด
ดังนั้นเราต้องสร้างความสัมพันธ์บนรากฐานของความเข้าใจ เวลาที่มีอะไรที่ใครไม่พอใจ เราก็ควรพูดคุยและสื่อสารให้อีกฝ่ายเข้าใจ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายช่วยกันแก้ไขปัญหา ดีกว่าเก็บไว้อยู่คนเดียวและรอให้ความสัมพันธ์มันแย่ลง นี้ก็เป็นวิธีการป้องกันปัญหาก่อนที่ปัญหาจะก่อนขึ้น โดยการที่เราหมั่นตรวจสอบอารมณ์ของเราและคู่ของเรา ว่าทุกฝ่ายเข้าใจความรู้สึกหรือความต้องการของอีกฝ่ายไหม?เพียงแค่เข้าใจกัน มันก็เกินพอที่จะทําให้ความสัมพันธ์ของเรานั้นราบรื่น
ความสําคัญของการให้เกียรติกันและกัน
ความรักที่ดีทั้งสองฝ่ายจําเป็นจะต้องให้เกียรติกันและกันตลอดเวลา ไม่ว่าต่อหน้าหรือหลับหลัง คู่ของเราไม่ใช่ทาส ไม่ใช่คนที่มีหน้าที่ตามใจเรา มาทําให้เรามีความสุข เราไม่มีสิทธิจะไปดุด่าหรือดูถูกดูแคลนเขาเพียงเพราะเขายอมหรือรักเรา การให้เกียรติกันนั้นก็คือการแสดงความเคารพในฐานะที่เขาเป็นแฟน เป็นสามี หรือ เป็นภรรยาของเรา
หากเราตกอยู่ในสภานการที่อีกฝ่ายปฏิบัติต่อเราโดยไม่ให้เกียรติหรือว่ามองว่าเราตํ่ากว่าเขา เราก็ควรพูดกับเขาตรงๆถึงความรู้สึกของเราและเรียกร้องให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรือว่าถ้าเราเองเป็นคนที่ไม่ให้เกียรติเขา เราก็ควรจะปรับปรุงตัวเองและเลิกเป็นคนเอาแต่ใจ หากเรียกร้องแล้วพูดแล้ว ไม่มีอะไรดีขึ้น เราไม่ควรทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่อีกฝ่ายไม่ให้เกียรติเรา เพราะสุดท้ายมันคือการที่เราไม่เกียรติตัวเอง
ความสุขเป็นหน้าที่ของเรา ไม่ใช่หน้าที่ของใคร
อย่าไปคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะสามารถทําให้ชีวิตเรามีความสุขได้ เพราะความจริงแล้ว ไม่ว่าใครก็ทําให้เรามีความสุขไม่ได้ถ้าเราไม่มีความสุขเอง ความสุขเป็นหน้าที่ของแต่ละบุคคล เมื่อเรามีความสุข มันก็ง่ายที่จะรักผู้อื่น สลับกัน เมื่อเราไม่มีความสุข มันเป็นเรื่องยากที่เราจะอยากไปรักคนอื่น ดังนั้นบางทีการที่ความสัมพันธ์เรานั้นมีปัญหาก็อาจจะเกิดจากเราเองที่ไม่มีความสุข ก่อนที่เราจะหาคู่ ก่อนที่เราจะโทษว่าคู่เราไม่สามารถทําให้เรามีความสุขได้ ลองดูตัวเองก่อน ว่าจริงๆแล้วมันเป็นที่เราหรือเปล่าที่เป็นตัวการทําให้ชีวิตและความสัมพันธ์ของเรานั้นไม่มีความสุข
ความรักที่ดีควรทําให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น
บางทีวิธีแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดก็คือการที่เราไม่มีความสัมพันธ์นั้น ถ้าเรามีความรักแล้วชีวิตเราไม่ได้ดีขึ้น มันอาจจะดีกว่าที่จะไม่มีความรักเลย ยกตัวอย่างเช่น ความสัมพันธ์ที่ toxic ที่พากันไปในทางที่ไม่ดี มีแต่ความทุกข์ ไม่มีใครที่ช่วยให้อีกฝ่ายเป็นคนที่ดีขึ้นได้ ความรักแบบนี้ไม่ได้ช่วยใคร และยิ่งอยู่ต่อก็ยิ่งทําให้ทุกอย่างแย่ลง
ความรักที่ดีต้องทําให้ชีวิตเราดีขึ้น อันนี้เป็นหลักง่ายๆที่เราควรเอาไปพิจราณา ความสัมพันธ์นี้มันมีส่งเสริมชีวิตเราไหม ไม่ใช่แค่คิดว่ามีคู่ก็ดีกว่าไม่มีคู่ หรือว่า มองดูสิว่าแล้วการที่เขาไม่สนใจเรา ไม่รักเราเท่าที่ควรนี้ มันเป็นเพราะเราไม่ได้ทําให้ชีวิตเขาดีขึ้นหรือเปล่า เพราะสุดท้าย ถ้ามีความสัมพันธ์แล้วชีวิตแย่ลง สู้ไม่มียังดีกว่า อันนี้ก็ไม่หมายความว่าถ้าความสัมพันธ์ไหนเราไม่ได้ประโยชน์เราก็ควรออก อันนั้นมันเห็นแก่ตัวเกินไป แต่บางความสันพันธ์ที่มันดีกว่าถ้าเราจะไม่ไปต่อ
ความรักคือการให้ไม่ใช่การเอา
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดและสร้างปัญหาในความสัมพันธ์มากที่สุด นั้นก็คือการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้นเอาแต่ใจตัวเอง เอาตัวเองเป็นหลัก และมีความคิดอยากจะเอามากกว่าอยากจะให้ นี้เป็นลอยร้าวเล็กๆในใจที่ถ้าปล่อยไว้ก็สามารถทําลายความสัมพันธ์ได้
ความรักไม่ใช่การที่คนอื่นมาเอาใจเรา เพราะนั้นมันคือการรักตัวเอง ยิ่งเราคิดแต่เรื่องว่าเราจะได้หรือไม่ได้อะไรจากความสัมพันธ์มากเท่าไร ความรักก็กลายเป็นเรื่องการหาผลประโยชน์เข้าหาตัวจนมากขึ้นเท่านั้น จนสุดท้ายไม่มีความรักหลงเหลืออยู่เลย มีแต่ความรักตัวเอง หรือจะพูดง่ายๆก็ได้ว่าความเห็นแก่ตัว ความรักที่ถ้าต่างฝ่ายไม่ต่างยอมกัน ต่างฝ่ายต่างมาหาผลประโยชน์จากอีกฝ่ายแบบนี้ ในระยะยาวก็เหี่ยวเฉาและหมดความหมาย
เราจะรักใคร เราก็ต้องให้ ต้องยอมและต้องเสียสละให้อีกฝ่าน ดังนั้น ถ้าเราอยากให้ความรักเราเบ่งบาน สิ่งที่เราควรทําเสมอนั้นก็คือ ตรวจสอบตัวเองว่าทุกวัน ว่าที่เราพูดว่าเรารักเขานี้ จริงๆแล้ว เรารักเขาจริงไหม หรือว่าเราแค่รักตัวเอง เราอยู่ในความสัมพันธ์นี้เพราะว่าเรามีความสุขที่จะรักเขา ดูแลเขา หรือว่าเรามีความสุขเพราะเราได้อะไรบ้างอย่างจากเขา ความรักที่เรารู้สึกน้อยลงมันเป็นเพราะเราเองหรือเปล่าที่ไม่ได้อย่างใจ? แล้วอย่างนี้มันจะเรียกว่าความรักได้อย่างไร? ถ้าความรักคือการให้ แล้วเรามีความสุขในการให้มากกว่าความสุขในการได้หรือการเอาไหม?
ถ้าเรารักเขาจริง เราก็ต้องหล่อเลี้ยงมันด้วยความรัก ความใสใจ การให้ ความเสียสละ ถ้าสองฝ่ายทําสิ่งนี้ให้กันไม่ว่ายังไงความรักก็ต้องเติบโตและเบ่งบานอย่างแน่นอน
ควรพบนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์เมื่อ...
- ไม่มีทางออก
- อาการไม่ดีขึ้น
- พยายามแล้วแต่ไม่ได้ผล
สามารถใช้บริการปรึกษากับนักจิตวิทยาหรือสอบถามรายระเอียดได้ตามลิงก์นี้:
สามารถใช้บริการปรึกษากับนักจิตวิทยาหรือสอบถามรายระเอียดได้ตามลิงก์นี้:
สามารถให้ความคิดเห็นให้ กําลังใจ และช่วยพัฒนาได้ที่:
ขอบคุณทุกความคิดเห็นและจะเอาไปพัฒนากล่องยาประจําใจครับ
สําหรับท่านที่อยากมีกล่องยาสามัญประจําใจไว้ที่บ้านหรือเป็นของฝากให้คนอื่นเมื่อกล่องยาประจําใจตีพิม สามารถติดต่อสั่งจองได้ที่:
แบบฟอร์มสั่งจองกล่องยาสามัญประจําใจ
หรือ
Line: @schooloflife
Line: @schooloflife
ตัวยาอาจจะใช้ได้กับบางคนแต่อาจจะไม่เหมาะกับบางคน โปรคใช้วิจรณญานและเลือกใช้ได้สิ่งที่เรารู้สึกว่าน่าจะใช้ได้ อะไรใช้ไม่ได้ก็ไม่ต้องใช้