คิดลบ
แนวทางและหลักการในการรักษา
ใช้ความคิดไม่ใช่ให้ความคิดมาใช้เรา
คนเรามีความคิดลบได้ แต่คนที่มีปัญหากับความคิดลบก็คือคนที่เชื่อมัน ความคิดเป็นสิ่งที่เราห้ามไม่ได้ มันจะคิดดีหรือคิดร้ายอันนี้มันก็เป็นเรื่องของความคิด แต่สิ่งที่เราสามารถฝึกได้ก็คือการรับมือต่อความคิดที่เข้ามา เช่น เราสามารถฝึกที่จะแยกแยะความคิดระหว่างความคิดที่จริงและมีประโยชน์กับความคิดที่ไม่จริงและไม่เป็นประโยชน์ ฝึกสติให้มากและไวขึ้นเพื่อค่อยเฝาดูความคิด ฝึกที่จะมองมุมต่างเพื่อหาของดีในสิ่งถ้าเรามองอย่างผิวเผินก็เห็นมันเป็นเรื่องแย่ เป็นต้น ซึ่งปัญหาก็คือเราไม่ค่อยฝึกทักษะพวกนี้ จนสุดท้ายความคิดต่างหากที่กลับมาใช้เรา ไม่ว่าความคิดนั้นจะไม่จริงหรือไม่มีประโยชน์ก็ตามเราก็ปล่อยให้มันมาสั่งมาบงการชีวิตเราจนชีวิตเราขึ้นๆลงๆตามความคิด
ความคิดไม่ใช่ความจริง
ผมเชื่อว่าความคิดมากกว่า 80 เปอร์เซ็นที่เราคิดในแต่ละวันไม่ใช่เรื่องจริง แต่สําหรับคนที่ไม่เคยฝึกที่จะจัดการความคิดตัวเองแล้ว ทุกความคิดคือความจริง และยิ่งถ้ามันความคิดเรานั้นมีแนวโน้มไปทางลบ เราก็จะไหลไปตามความคิดลบของเราโดยไม่พิจารณาอะไรเพิ่มเติมว่ามันจริงมากน้อยแค่ไหน เรามักจะเชื่อความคิดแรกของเราเลยทันทีโดยไม่เคยคิดแม้แต่ที่จะโต้แย้งมัน ดังนั้นแนวทางในการรับมือกับอาการคิดลบก็คืออย่าเพิ่งเชื่อความคิด เอาความคิดลบของเรามาพิจารณาก่อน ลองถามตัวเองว่า ตอนนี้เรากําลังคิดลบเกิบไปไหม แล้วมันมีหลักฐานอะไรที่ความคิดลบนี้เป็นความจริง หรือว่าเพียงแค่การกระทําเดียวเหตุการเดียวเราก็มาด่วนสรุปเองแล้วว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะสุดท้ายแล้ว ตราบใดที่เรายังไม่ได้เอาความคิดของเราไปพิสูจน์ เราก็ไม่มีสิทธิพูดได้ว่าความคิดที่เรามีนั้นจริง ความคิดมันอย่างจะจริงตามความรู้สึก แต่มันจะจริงตามความจริงหรือเปล่าอันนี้ต้องพิสูจน์
ทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิตเราจะคิดให้บวกหรือลบก็ได้
ดีหรือร้ายบางทีมันขึ้นอยู่กับมุมมอง ยกตัวอย่างเช่นการที่เราโดนไล่ออก มองแวบแรกอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่ถ้าเราฝึกที่จะมองใหม่ มองมุมต่าง หาความดีของมันให้เจอ เราอาจจะเห็นว่ามันก็เป็นการเปิดโอกาสใหม่ให้กับชีวิตเรา เป็นความท้าทายใหม่อีกอย่างที่เราต้องเผชิญและก้าวข้าม หรือไม่อย่างน้อยก็ทําให้ชีวิตเรามีอิสระมากขึ้น เราอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องแย่ แต่บางทีต่อให้เป็นงานเดียวกันตําแหน่งเดียวกัน บางคนก็อยากออกจากงานที่เราอยากอยู่ มันแค่ขึ้นอยู่กับมุมมองและความเชื่อ ถ้าตอนนี้เราคิดลบอยู่ มองลบอยู่ ก็ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองมองบวกบ้าง เพราะสุดท้ายแล้วคุณภาพของชีวิตเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าชีวิตเราเป็นอย่างไรมากไปกว่าว่าเรามองชีวิตเราอย่างไร
คิดลบจนชีวิตพัง
ปัญหาของคนคิดลบก็คือการที่ความคิดลบสามารถมาบงการชีวิตเรา มีคนหลายคนที่เข้ามาในชีวิตเราด้วยความหวังดีแต่เพราะความคิดลบของเรา เราก็กลับมองเขาในแง่ลบจนพลักเขาออกจากชีวิตเราไปอย่างน่าเสียดาย หรือว่าบางทีก็มีโอกาสที่ดีเข้ามาในชีวิตแต่เราก็กลับมองสิ่งที่เข้ามาด้วยสายตาที่ไม่เชื่อว่ามันจะดีได้ขนาดนั้นจนสุดท้ายพลาดโอกาสนั้นไป ความคิดลบมันเป็นความคิดที่ไม่ตรงต่อความจริง ต่อให้มันจะช่วยให้เราระมัดระวังต่อภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น แต่สุดท้ายแล้วมันทําให้เรามองโลกผิด จะสุดท้ายก็ส่งผลกระทบให้เราใช้ชีวิตผิด
บางทีก็แค่ความเคยชินของความคิด
คนคิดลบมักจะคิดลบจนเป็นนิสัย การที่เราไม่เคยโต้แย้งความคิดของเราเอง เชื่อทุกความคิดที่เขามาในชีวิต มันก็ง่ายที่จะคิดลบและยากที่จะมองโลกให้ตรงต่อความเป็นจริง เหมือนแม่นํ้าที่ไหลเชี่ยวอยู่ดีๆเราจะไปเปลี่ยนให้มันไม่ไหลก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่แก้ไม่ได้ สิ่งที่เราทําได้ก็คือมีสติ พยายามหยุดกระแสที่พาให้เราคิดลบ การฝึกเห็นความคิดเฉยๆนี้ก็จะช่วยได้มากในการเปลี่ยนความเคยชิน กลายเป็นสิ่งที่เราสามารถกําหนดได้ว่าแม่นํ้าสายนี้ควรที่จะไหลไปทางไหน
รากฐานของความคิดลบ:ความกลัว ความไม่ไว้ใจ ความไม่เชื่อ
หากเราไม่ไว้ใจคนอื่น ไม่เชื่อเจตนาของคนอื่น และมีความกลัวอยู่ลึกอยู่แล้วว่าโลกจะมาทําร้ายหรือเอาสิ่งที่ดีในชีวิตเราไป เหตุปัจจัยพวกนี้มันทําให้ง่ายมากที่เราจะมองชีวิตในแง่ลบ การรู้จักและค่อยระวังความรู้สึกเพื่อนี้ก็จะช่วยได้มาก เวลาที่เรามีความคิดลบ เพราะเราจะสามารถโยงกลับไปดูได้ว่า นี้ไงเราไม่เชื่อใจเขาอีกแล้ว นี้ไงแล้วมองเหตุการที่แย่ที่สุดก่อนที่มันจะเกิดแล้ว หรือว่า นี้ไงถ้าเราไม่เชื่อใจใครแล้วเราจะไปคิดบวกกับเขาได้อย่างไรเป็นต้น ดังนั้นพยายามรู้จักตัวเอง รู้จักเหตุที่ทําให้เราคิดลบ ก่อนที่เราจะคิดลบ และเมื่อเราสามารถขจัดความกลัว ความไม่ไว้ใจผู้อื่นอย่างไรเหตุผล ความไม่เชื่อใจใครเลย อันนี้ก็จะช่วยมารักษาอาการคิดลบของเรา
วิธีรักษา
- ฝึกเห็นความคิดของตัวเองจนชํานาน ใช้สติดูความคิดของตัวเองบ่อยๆจนเป็นนิสัย การมีสติในความคิดจะช่วยให้เราไม่ไหลไปตามความคิดและเปิดโอกาสให้เราเลือกได้ว่าเราจะทําอย่างไรกับความคิดที่เข้ามา
- ฝึกแยกแยะความคิดว่าอันไหนจริงและมีประโยชน์ อันไหนที่ไม่จริงและไม่มีประโยชน์ก็ไม่จําเป็นต้องถือมันไว้ ปล่อยมันไป
- ความคิดไหนที่เราคิดว่าจริงหรือมีประโยชน์แล้ว ก็ให้เอามันมาพิจารณาอีกที เช่น ความคิดลบที่เราว่าจริงนี้ เราได้พิสูจน์มันแล้วหรือยัง? เหมือนการที่เรามีหินแล้วเราก็เอาหินนี้มาเจียรนัยจนเป็นเพชร หากมันมีความจริงอยู่ในนั้น มันต้องทนทานต่อการพิสูจน์ได้ หรือต่อให้เรามีคิดลบต่อเหตุการที่ลบจริงๆ เราก็มาลองฝึกมองในทางบวกบ้าง หากเก่งจริงเราต้องสามารถพลิกแพลงความคิดของเราได้ จนเราเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อมัน ฝึกมองให้เห็นดีในร้ายและร้ายในดีได้หากเราต้องการ
ควรพบนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์เมื่อ...
- ไม่มีทางออก
- อาการไม่ดีขึ้น
- พยายามแล้วแต่ไม่ได้ผล
สามารถใช้บริการปรึกษากับนักจิตวิทยาหรือสอบถามรายระเอียดได้ตามลิงก์นี้:
สามารถใช้บริการปรึกษากับนักจิตวิทยาหรือสอบถามรายระเอียดได้ตามลิงก์นี้:
สามารถให้ความคิดเห็นให้ กําลังใจ และช่วยพัฒนาได้ที่:
ขอบคุณทุกความคิดเห็นและจะเอาไปพัฒนากล่องยาประจําใจครับ
สําหรับท่านที่อยากมีกล่องยาสามัญประจําใจไว้ที่บ้านหรือเป็นของฝากให้คนอื่นเมื่อกล่องยาประจําใจตีพิม สามารถติดต่อสั่งจองได้ที่:
แบบฟอร์มสั่งจองกล่องยาสามัญประจําใจ
หรือ
Line: @schooloflife
Line: @schooloflife
ตัวยาอาจจะใช้ได้กับบางคนแต่อาจจะไม่เหมาะกับบางคน โปรคใช้วิจรณญานและเลือกใช้ได้สิ่งที่เรารู้สึกว่าน่าจะใช้ได้ อะไรใช้ไม่ได้ก็ไม่ต้องใช้