ความอยากประสบความสําเร็จคือสิ่งที่ทําให้เราไม่ประสบความสําเร็จ
คําพูดนี้ฟังแล้วมันงงๆ แต่เดี๋ยวจะอธิบายให้ชัดเจนว่าทําไม แต่สรุปสั่นๆได้ว่า ความอยากประสบความสําเร็จเป็นเรื่องที่ดีที่ช่วยพลักดันเรามีแรงไปข้างหน้า แต่ถ้ามาเกินไปหรือเอาไปโยงกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง ความอยากนั้นก็จะกลายเป็นอุปสรรคในความสําเร็จได้
เมื่อไหรที่ความอยากความสําเร็จกลายเป็นอุปสรรค
จุดแรกที่ความอยากสําเร็จนี้อาจจะกลายเป็นอุปสรรคได้ก็เมื่อเราเอาความสําเร็จไปผูกกับค่าของความเป็นคน อันนี้เป็นปัญหาเพราะว่าเราจะตัดสินตัวเองและผู้อื่นตามความสําเร็จ วันไหนเราประสบความสําเร็จเป็นที่ยอมรับ รวม เราก็ดีใจ คิดว่าตัวเองเก่งคิดว่าตัวเองมีค่ากว่าคนอื่นที่ไม่มี นี้ก็เพราะเอาค่าของตัวเองไปผูกไว้กับความสําเร็จ แต่ปัญหาคือ วันไหนที่ล้มเหลว ทรัพสินไม่มีขึ้นมา ค่าของเราก็ลดลงหรืออาจจะหมดค่าตามความสําเร็จนั้นๆ ไม่มีความแน่นอน มากไปกว่านั้น ต่อให้เราประสบความสําเร็จแล้วก็ตาม แต่ดันไปเจอคนที่ประสบความสําเร็จกว่า เราก็อาจจะรู้สึกอิจฉา และอาจจะถึงขั้นดูถูกและกดดันตัวเองด้วยซึ้มว่า “ทําได้แค่นี้หรือ?” เราก็อาจจะเสียกําลังใจ น้อยใจ หรือรู้สึกน้อยหน้าจนหมดกําลังใจที่จะทําอะไรให้สําเร็จเลยก็มี อันนี้คือความอันตรายของความอยากสําเร็จเมื่อเราผูกมันไว้ผิดที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าของตัวเราเอง
อีกปัจจัยที่เปลี่ยนความอยากประสบความสําเร็จที่ควรช่วยเราให้กลับกลายเป็นสิ่งที่ขัดขวางความสําเร็จของเราก็คือ การที่เราเอาความสุขของเราไปทิ้งไว้กับความสําเร็จ ทุกวันผมก็จะมีการทบทวนชีวิตโดยการให้คะแนนตัวเองในแต่ละวัน จาก 0 ถึง 10 ซึ่งวันนี้โดยรวมก็ใช้ชีวิตได้ดี ทํางานอย่างตั้งใจเต็มที่ ไม่มีบกพร่องอะไร แต่พอถึงเวลาให้คะแนนตัวเองกลับได้แค่ 8 เต็ม 10 ผมก็เลยมานั่งถามตัวเองว่าทําไม ต่อให้เราทําเต็มที่แล้วในแต่ละวัน แต่เราก็ยังกลับ rate วันของตัวเองแค่ 8 เต็ม 10 อีก 2 มันหายไปไหน ซึ่งคําตอบในใจก็พุดออกมาว่า ก็เพราะเรายังไม่ประสบความสําเร็จ เรายังไม่ได้รับการยอมรับ ชีวิตเรายังไม่ได้ตามเป้าหมายที่เราต้องการ
นี้คือเคสของการที่เราทําให้ความสําเร็จก็เป็นปัจจัยของความสุข หรือจะแปลง่ายๆอีกวิธีได้ว่า เราเอาความสุขของเราไปขึ้นอยู่กับความสําเร็จ ถ้าเรายังไม่สําเร็จก็ยังไม่ยอมให้ตัวเองมีความสุข อันนี้เป็นสิ่งที่ควรระวัง เพราะมันไม่ได้ต่างอะไรจากการที่เราเอาความสุขของเราไปกุมขัง และไม่ยอมให้มันมีความสุขได้จนกว่าเราจะมีความสําเร็จ ลองนึกภาพ ถ้าความสําเร็จที่เราต้องการมันต้องใช้เวลา 10 ปี ก็แปลว่าเราจําเป็นต้องมีความสุขแบบไม่เต็มใบแบบนี้ต่อไปอีก 10 ปีเลยหรอ? แน่นอนการเอาความสุขของตัวเองไปทิ้งไว้กับความสําเร็จ 10 ปี มันก็ต้องรู้สึกจํากัดและเป็นกัดกินความสุขของเราเอง เหมือนชีวิตที่ขาดอะไรอยู่เสมอ และเมื่อเราไม่มีความสุข เราก็ท้อใจหรือเหนื่อยได้ง่าย และสุดท้ายก็อาจจะเลิกล้มหรือยอมแพ้ไปเลยก็มี
ความสุขเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม รวมทั้งตัวผมเองด้วย เรามักคิดว่าความสําเร็จต่างหากที่จะนํามาซึ่งความสุข แต่วิธีแบบนี้ผิดและวิธีคิดที่ดีและถูกต้องกว่า ก็คือ ความสุขต่างหากที่เป็นปัจจัยของความสําเร็จ ถ้าเรารู้สึกไม่มีความสุข ไม่มีกําลังใจทํางาน เบื่อชีวิต หมดไฟ แล้วแบบนี้เราจะมีแรงไปทํางานอะไรให้สําเร็จได้อย่างไร? เรามัวแต่มุ่งไปที่เป้าหมาย เราให้ค่ากับความสําเร็จจนละทิ้งความสุขของตัวเอง และเมื่อความสุขไม่อยู่ในสายตา ผลที่ออกมาก็คือการที่เราขาดความสุข ขาดสมดุลย์ที่ดีในชีวิต แต่ความสุขก็เหมือนอากาศ และการที่เราพยายามวิ่งไปหาความสําเร็จโดยไม่มีอากาสนั้นมันก็คงจะวิ่งไปได้ไม่นาน ดังนั้น ไม่ว่าเราจะทําอะไรให้ประสบความสําเร็จ เราก็อาจจะต้องคิดใหม่ โดยเข้าใจว่าความสุขต่างหากคือฐานของความสําเร็จ
ทําอย่างไรให้ความต้องการที่จะประสบความสําเร็จไม่กลับมาทําล้ายเรา
อย่างที่ได้พูดกันมา สิ่งที่เราต้องระวังอย่างแน่นอนก็คือ:
- อย่าเอาค่าของเราไปผูกกับความสําเร็จ
- อย่าเอาความสุขไปขังไว้กับความสําเร็จ
อันนี้เป็นสิ่งแรกที่เราสามารถเปลี่ยนได้เลยโดยการมีสติคอยเฝ้าดูตัวเอง เห็นตัวเองเวลาที่เราไม่มีความสุข ค่อยถามไถตัวเองว่าทําไมเราไม่มีความสุข เป็นต้น แต่ว่ายังมีอีก 2 สิ่งที่จําเป็นไม่แพ้กันในทําให้ความอยากสําเร็จนั้นบริสุทธก็คือ
- เข้าใจว่าความหมายของความสําเร็จของแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกัน
- ทุกคนต่างมีความต้องการไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะอยากมีครอบครัวที่มีความสุข ไม่ได้ต้องการเงินมากมายอะไร แต่บางคนอยากรํ่ารวมมีทรัพย์สินมากๆ สําหรับคนที่อยากรวย เมื่อมองไปคนที่ไม่มีเงินแต่มีความสุขในครอบครัว เขาก็เห็นว่าคนนี้ล้มเหลวเพราะมองแต่เรื่องเงินทองเป็นหลัก ส่วนคนที่อยากมีครอบครัวที่มีความสุขเมื่อเห็นคนรวยที่มีครอบครัวแตกแยกมีปัญหาก็เห็นว่าเขาล้มเหลวเช่นกัน ต่างคนต่างเห็นว่าอีกฝ่ายล้มเหลวก็เพราะต่างฝ้ายต่างมีความต้องการไม่เหมือนกัน อันนี้มันทําให้เราเห็นว่า ความสําเร็จนั้นมันขึ้นอยู่ที่คนมอง เราจะเอาความสําเร็จของหนึ่งคนมาเปรียบเทียบกับอีกคนไม่ได้ นอกจากว่าเราเองจะเอาความสําเร็จของเราเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินคนอื่น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทําอยู่แล้ว
- ต่อให้เป็นสิ่งที่คนส่วนมากมองว่าดี เช่น ทรัพย์สินเงินทอง นี้ก็ยังเอามาใช้ในการตัดสินได้ยาก สมมุติมีคนสองคนที่รวยเท่ากันแต่คนแรกคิดว่าความสําเร็จคือการได้เงินเยอะๆโดยไม่สนว่าช่องทางนั้นจะได้มาอย่างไร ก็อาจจะโกงและทําอะไรที่ไม่ถูกต้อง ส่วนอีกคนก็มีเงินเท่ากันแต่พยายามหาทรัพย์มาด้วยความสุจริต แล้วอย่างนี้เมื่อตัวเงินเท่ากันใครประสบความสําเร็จมากกว่ากัน? อันนี้เป็นคําตอบที่ไม่มีใครตอบได้เพราะมันก็แล้วว่าแต่ชุดความคิดและค่านิยมของแต่ละคน ดังนั้นการจะเอาความหมายของความสําเร็จของเรา ของใครบางคน หรือของสังคม มาตัดสินค่าความสําเร็จของคนๆหนึ่งนั้นคงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกสักเท่าไร
- ส่วนมากแล้วคนที่เอาบรรทัดฐานของตัวเองไปตัดสินคนอืนนี้ก็ทําไปเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีหรือมีค่า อันนี้ก็ต้องระวังไว้เป็นอย่างมาก เข้าใจว่าความสําเร็จที่เราอยากได้นั้นคนอื่นเขาอาจจะไม่ได้อยากได้หรือเห็นค่าเหมือนเราก็ได้ แล้วเราจะไปวัดหรือเปลี่ยบเทียบได้อย่างไร
- เข้าใจว่าความสําเร็จบางทีก็เป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร
- บางคนเก่งขยันแต่ก็ไม่ประสบความสําเร็จ บางคนไม่เก่งไม่ขยันทํางานไม่ได้เรื่องแต่ก็กลับประสบความสําเร็จก็มีเยอะแยะ เราจะไปขาดหวังอะไรไม่ได้ว่าเราต้องประสบความสําเร็จตามที่เราหวัง เราเองยังหวังไม่ได้เลยว่าพรุ่งนี้จะอยู่หรือจะตาย เรื่องความสําเร็จจะไปขาดหวังอะไร สรุปก็คือความสําเร็จเป็นสิ่งที่เราจะไปอยากหรือขาดหวังให้เป็นตามใจเราไม่ได้ เพราะมันมีปัจจัยมากมายที่อยู่เหนือการควบคุมของเรา สิ่งที่ยังพอหวังได้ก็คือการทําให้ดีที่สุด
- กําหนดความหมายของความสําเร็จของเรา
- อันนี้สําคัญมากเพราะว่าถ้าเราไม่คิดเองว่าความสําเร็จคืออะไรเราก็จะกลายเป็นผลของสังคม หรือ การที่เราไปเอานิยามของความสําเร็จของสังคมหรือของคนอื่นมามาเป็นของตัวเองโดยไม่ได้ไตร่ตรอง สุดท้ายเราก็ไหลไปตามกระแส สังคมว่านี้ดีเราก็ทํา ใครว่านี้คือความสําเร็จเราก็เชื่อ ไหลไปเลื่อยๆจนหาความหมายที่แท้จริงไม่ได้
- ดังนั้นมันจําเป็นที่เราจะต้องมีนิยามความสําเร็จของชีวิตเราเองเพื่อเป็นเสาหลักให้กับชีวิต
- นิยามของความสําเร็จที่ผมชอบมากที่สุดมีสองอันคือ
“Success is peace of mind attained only through self-satisfaction in knowing we made the effort to become the best of which you are capable.”
- John Wooden
Success is liking yourself, what you do, and how you do it.
- Maya Angelou
อันแรกมาจาก John Wooden ซึ่งเป็นโค้ชบาสบาสเกตบอลอเมริกันที่ผมยกย่องมากๆ เขาได้ให้นิยามความสําเร็จว่า ความสําเร็จคือความสุขที่หาได้จากการที่เรารู้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ตามความสามารถของเรา อันนี้เป็นนิยามที่ดีเพราะว่ามันเป็นความสําเร็จที่เราควบคุมได้ที่เราลงมือทําได้ทุกๆวัน
ส่วนอันที่สองที่มากจาก Maya Angelou ที่เป็นนักเขียนและนักเคลื่อนไหวสิทธิพลเมืองชื่อดัง ซึ่งมีความหมายว่า ความสําเร็จคือการที่เราชอบตัวเอง ชอบในสิ่งที่เราทํา และวิธีที่เรา ผมชอบนิยามความสําเร็จแบบนี้เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับเราและวิธีที่เราใช้ชีวิต ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเงินในบัญชี ตําแหน่งทางสังคม หรือ การยอมรับใดๆ มันแค่ขึ้นอยู่ว่าเราขอบตัวเองที่เป็นอยู่ไหม เราภมูิใจในสิ่งที่เราทําอยู่ไหม และ เราพอใจในวิธีที่เรากําลังทํามันอยู่ไหม
อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างของนิยามของความสําเร็จที่ดีที่ช่วยเรามีชีวิตที่ดี มีความสุขและเป็นประโยชน์ แทนที่จะเอาค่าของเราไปผูกไว้กับสิ่งภายนอกก็เอามาผูกไว้กับตัวเราเองซึ่งเป็นผู้ตัดสินตัวเองว่าสุดท้ายแล้วเราพอใจในตัวไหม แทนที่จะเอาความสุขไปทิ้งไว้กับอะไรที่ควบคุมไม่ได้ก็เอาความสุขมาไว้ใกล้ตัวกับสิ่งที่เราทําได้ในทุกๆวัน แล้วนิยามของความสําเร็จของเราคืออะไร